วันจันทร์, 20 พฤษภาคม 2567

ประวัติความเป็นมาของผีเปรต

ประวัติความเป็นมาของผีเปรต

ตามความเชื่อดั้งเดิมของหลายชนชาติและวัฒนธรรม ผีเปรตถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในจำพวกวิญญาณหรือสังขารที่ปราศจากร่างกาย เป็นสภาพของจิตวิญญาณที่ไม่สามารถไปเกิดในภพภูมิใหม่ได้หลังความตาย จึงค้างเร่ร่อนอยู่บนโลกมนุษย์ ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติและก่อความหวาดกลัวแก่มนุษย์

ผีเปรตมักจะถูกบรรยายลักษณะว่ามีรูปร่างผอมแห้งเหี่ยวแห้ง ผิวพรรณซีดเซียวคล้ำ ใบหน้าเศร้าหมอง แสดงสีหน้าเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เสื้อผ้าขาดวิ่นเต็มไปด้วยคราบสกปรก บางครั้งอาจสังเกตเห็นร่างกายพองโตเน่าเปื่อย มีแผลเปื่อยพุพอง มีกลิ่นเหม็นคาวประหลาด นอกจากนี้ พฤติกรรมของผีเปรตยังอาจดูวิปริตผิดปกติ เช่น เดินสะเปะสะปะ ส่งเสียงครางคราง หรือท่าทีสับสนหวาดกลัว

สาเหตุที่ทำให้จิตวิญญาณจำพวกนี้ไม่สามารถจุติเพื่อไปเกิดภพใหม่ได้นั้น มีหลากหลายประการทั้งจากความเชื่อแต่ละศาสนา และคำบอกเล่าในตำนานปรัมปรา บางก็เชื่อว่าเป็นเพราะยังติดค้างด้วยกิเลสตัณหา ความโลภ โกรธ หลง หรือยังมีความผูกพันกับสังขารในชาตินั้น บางก็เชื่อว่าเป็นผลจากการประพฤติชั่ว ละเมิดศีลธรรมอย่างร้ายแรงในชาติก่อน จึงต้องมารับกรรมเป็นผีเปรตเพื่อชดใช้กรรม จนกว่าจะหมดกาลัง

ในทางพุทธศาสนา เปรตหรือเปรตวิสัยถือเป็นสัตว์นรกประเภทหนึ่ง เกิดจากการถูกส่งตัวมาจากนรกเพราะพ้นโทษบางประการ แต่ต้องมาทนทุกข์เป็นผีเปรตก่อน โดยมีหลักคำสอนว่าเปรตเหล่านี้ต้องอดอยาก หิวโหย ลำบาก ไม่มีที่อยู่อาศัย ด้วยกรรมชั่วที่เคยกระทำมา เมื่อใดที่ละกรรมเก่าได้หมดแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้มากพอ ก็จะได้ขึ้นสู่สุคติหรือโลกสุขต่อไป

ในบรรดาความเชื่อของทุกศาสนาดูเหมือนจะมีจุดร่วมคือผีเปรตเป็นสภาวะที่ไม่มีใครปรารถนา เพราะนับเป็นสภาพแห่งความทุกข์ทรมานทั้งทางกายและทางจิต เป็นการลงโทษกรรมอย่างหนึ่ง การปฏิบัติศาสนกิจ บุญบารมี และการแก้กรรมให้หมดจึงเป็นแนวทางในการช่วยปลดปล่อยจิตวิญญาณเหล่านี้ให้พ้นจากสภาพนั้น นอกจากนี้ก็มีการปฏิบัติพิธีกรรมอย่างถูกวิธี เพื่อให้พ้นจากการกวนกายใจของมนุษย์ด้วย